ทริปนี้เป็นทริปของขวัญวันเกิดจากสามีค่ะ คุณสามีต้องการเซอไพร์ เลยบุคตั๋วเครื่องบิน จองทัวร์จองโรมแรม ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ พ.ย. ปีที่แล้วโดยไม่บอกไม่ถามสักคำ แล้วทำจิกซอว์ ให้หวาน เดือนมีนาคม 4 สัปดาห์ ก่อนจะถึงวันเกิด บอกว่าให้ต่อให้เสร็จก่อนวันเกิดน่ะ ตอนแรกได้จิกซอว์มาก็ไม่รู้หรอกว่าอะไร คงเป็นภาพสวยๆที่สามีคงอยากจะให้ล่ะมั้ง ด้วยความจี้เกียจและไม่ชอบต่อจิกซอว์ เลยไม่สนใจที่จะต่อเลย สามีก็ถามทำไมไม่ต่อล่ะ หวานก็ตอบแต่ว่าเอาไว้ก่อน ฉันยังไม่ว่าง จนสุดท้ายว่างจริงๆถึงได้ลองต่อ ทีนี่หล่ะ ได้เซอร์ไพร์จริงๆ ประทับใจที่สามีอุตสาห์วางแผนเซอไพร์และจะพาไปเที่ยว แต่ก็อดพูดไม่ได้ว่า เธอถามฉันสักคำไหมว่าอยากไป สรุปคือสามีเห็นโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินไปดูไบและ อยากบินกับสายการบิน Etihad เพื่อสะสมไมล์ ว่างั้นเถอะ
เราเดินทางโดยเครื่องบิน สายการบิน Etihad ใช้เวลา ~ 6 ชม ถึงค่ะ บินตอน 22.15 กะว่าจะนอนหลับบนเครื่อง แต่นอนไม่หลับ มาถึง 6 โมงเช้า เหนื่อยมากๆ
อย่างแรกที่เราทำคือ ไปซื้อซิมมือถือของ Du เคาเตอร์สีฟ้า ตรงทางออกจากสนามบิน LTE 1 GB 100 AED ~ 20€ จากนั้นก็ไปเช่ารถยนต์ Europe car ขับไปดูไบเอง หรือจะเดินทางโดยรถบัสก็ได้ค่ะ ง่ายสุดขึ้นเครื่องไปลงดูไบเลยค่ะ แต่สามีอยากบินสายการบิน Etihad เลยต้องมาลงเครื่องที่ Abu Dhabi แล้วเช่ารถขับไปเองอีกที เหนื่อยๆจริงๆ อากาศก็ร้อนมากๆ ~40 องศา เปิดแอร์ในรถเบอร์แรงสุด ก็ยังไม่หายร้อนอีก
ถนนที่นี้มีเลนส์เยอะจริงๆ นับได้ ฝั่งละ 6 เลนส์ +เลนส์นอกอีก 3 เป็น 9 เลนส์ รวมอีกฝั่งเป็น 18 เลนส์ กว่าจะไปถึงที่พักไม่ใข่เรื่องง่ายเลย ขับหลงเป็น ชม.เพราะเลี้ยวผิดเลนส์นี่แหละ
ถึงแล้วค่ะ ที่พักของเรา Orient Geusthouse เป็นเกสต์เฮ้าส์ๆเล็กๆ สไตล์ oriental พื้นเมืองของที่นี่ อยู่ใจกลางเมืองเก่า สงบ เงียบ สะอาด พนักงานต้อนรับดีเยี่ยม ฟินกับบรรยากาศตกแต่งแบบพื้นเมืองดีจริงๆ ไม่ไกลจาก Dubai Creek และ Dubai Museum เดินไปได้ง่าย หาอะไรทานได้ไม่ยาก รอบๆมีซุปเปอร์มาร์ท ราคาห้องพักไม่แพงมาก

ข้อเสีย อาหารเช้าแบบง่ายๆ มีช้อยให้เลือกไม่เยอะ ห้องเล็กไปหน่อยค่ะ

พักงีบได้แป้ปเดียวก็โดนปลุกให้ไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะรถทัวร์จะมารับและพาไปชมเมืองดูไบกับ Orient Tour ทริปนี้แนะนำเลยค่ะ เพราะเราจะได้ความรู้เกี่ยวกับดูไบมากมาย ไกด์นำทัวร์เป็นคนเยอรมนี พูดทั้งอังกฤษและเยอรมัน หวานเลยเข้าใจได้ง่าย ได้รู้ข้อมูลที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับดูไบ แต่ถ้าให้ทัวร์เองไม่มีไกด์หวานคงไม่ได้อะไรเลย นอกจากถ่ายรูปอย่างเดียว เพราะเป็นคนที่ขี้เกียจอ่านมากๆ ชอบฟังมากกว่าค่ะ
สถานที่ ที่ทัวร์พาไปชมค่ะ
Burj Al Arab
โรงแรม หรูหราระดับ 7 ดาว สร้างบนพื้นดินที่ถูกถมขึ้นจากชายฝั่งจูไมราบีช ลักษณะโรงแรมคล้ายใบของเรือใบ เป็นโรงแรมหนึ่งที่แพงที่สุดและดีที่สุดในโลก มีแค่ห้องสวีทเท่านั้นไม่มีห้อง Standard สำหรับผู้ที่จะมาพักที่นี่ เค้าจะมีรถเบนซ์ไปรับที่สนามบินหรือจะขึ้นฮอลิคอปเตอร์มาลงที่ชั้นบนสุดของตึกได้ค่ะ เลิศมาก ไกด์บอกว่าเรามาถ่ายรูปได้ใกล้สุดแค่นี้ค่ะ เพราะเข้าจะอนุญาติให้กับคนที่จะมาพักที่นี่เท่านั้น ต้องมีใบจองที่พักโรงแรมมา จะมั่วๆขับรถเข้าไปขอแค่เดินชมโรงแรมก็ไม่ได้ค่ะ

Dubai Creek จะแบ่ง Dubai ออกเป็น 2 ส่วนคือ Deira Dubai และ Bur Dubai จะเป็นทะเลที่ขุดเข้ามา จะมีความยาวประมาณ 14 กิโลเมตร

Jumeirah Mosque เป็นสุเหร่าคู่บ้านคู่เมืองของดูไบ พอดีตอนมาเขาปิด จึงเดินดูได้แค่รอบๆค่ะ

Dubai Museum

แล้วเราก็มาขึ้นเรือข้ามฝากกันค่ะ เรือที่นี้เป็นเรือไม้ แบบที่เห็นนี่แหละค่ะ ไม่มีที่กำบังหรือที่จับ เข้าห้ามยืนเด็ดขาด อาจตกเรือได้ แต้หวานนั่งแล้วรู้สึกปลอดภัยค่ะ เขาขับไม่เร็ว ค่าเรือข้ามฝากก็ 1 Dirhams ประมาณ 10 บาทบ้านเรา

ข้ามไปอีกฝังจะมีตลาดเครื่องเทศ ตลาดของฝาก และตลาดทอง

มาดูแหววนทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ

จบทัวร์ 18.30 เราก็นั่งเรือข้ามฝากและเดินกลับที่พัก เพราะที่พักเราอยู่ไม่ไกลจาก Dubai Creek แล้วเราก็มาร้านอาหาร Local House Retaurant อยู่ติดกับเกสต์เฮาส์เราเลยค่ะ
เมนูของที่นี่ก็ประมาณ ข้าวหมกไก่ ข้าวหมกกุ้ง ข้าวหมกเนื้ออูฐ และ แกงเครื่องแกงของบ้านเค้า ที่ส่วนใหญ่จะมีรถชาติเผ็ดจากเครื่องแกง มากกว่าเผ็ดจากพริก ผสมสานแนวๆอาหารอินเดียค่ะ เลยถามพนักงานเสริว่ามีเมนูอะไรเผ็ดๆไหม เค้าแนะนำผัดเผ้ดเนื้ออูฐมาค่ะ รสชาติคล้ายๆผัดกระเพราบ้านเราแต่ไม่ใส่กระเพรา พอลองท้องได้ค่ะ เนื้ออูฐจะออกเหนียวๆหน่อย แต่ไม่แซ่บเหมือนผัดกระเพราบ้านเราหรอกค่ะ ส่านคุณสามี ทานเบอร์เกอร์เนื้ออูฐ
ขากลับเดินผ่านตู้เค้กของที่พัก อดใจไม่ไหวเลยขอชิมสักชิ้นก่อนนอน กลับมาถึงห้องหลับตั้งแต่ สองทุ่มครึ่ง เพราะเราเหนื่อยกันมากสุดๆ จากการขึ้นเครื่องแล้วก็มาทัวร์ต่อทั้งวันแบบไม่ได้พัก เลยสลบคาเตียงกันเลยทีเดียว

เช้าวันที่ 2 ตื่นสายหน่อย แล้วเราก็มาทานอาหารเช้า เป้นแบบง่ายๆอย่างที่เห็นค่ะ วันใหนมีแขกมาพักน้อย เขาจะถามเราว่าจะรับอะไรและจัดให้เลย ถ้าวันใหนมีแขกเยอะจะเป็นบุพเฟต์

แพลนของเราวันนี้ คือ ไปชมวิว ที่ตึกที่สูงที่สุดในโลก Burj Khalifa มีความสูงถึง 828 เมตร มีทั้งหมด 160 ชั้น โดยมีลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลก ที่ความเร็ว 18 เมตร/วินาที หรือ 65 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ต้องไปขึ้นทาง ดูไบช้อปปิ้งมอลล์เท่านั้นค่ะ และควรจองตํ๋วจองคิวเวลาขึ้นไปชมผ่านเว็บไซต์หรือผ่านทัวร์แต่เนิ่นๆค่ะ เพราะคิวยาวมาก เวลาที่เราได้คือ 11 น. ถ้ายังไม่ถึงคิวเขาก็ยังจะไม่ปล่อยให้เราขึ้นไป

หวานกลัวความสุง มองลงมานี่เสียวหลังวาบเลย จะยืนชมวิวนานเท่าไหร่ก็ได้ค่ะ เขาไม่จำกัดเวลา ใครได้ไปชมวิวช่างพลบค่ำคงจะดี แล้วรอจนมืดหน่อยๆจะได้เห็นดูไบยามค่ำคืนจากมุมสูง คงสวยน่าดูค่ะ

Dubai mall ช้อปปิ้งมอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ
ลงมาเที่ยงพอดี แวะทานข้าวเที่ยงที่ Food Court อยู่ด้านหน้าทางเข้าไปชมตึกพอดีค่ะ ตั้งใจว่าจะมากินอะไรเผ็ดๆร้อนๆโดยเฉพาะ ดีที่ร้านอาหารเอเชียด้วยค่ะ เลยสั่งต้มยำกุ้งมากินกับข้าว ขอแบบเผ็ดๆ ที่นี่เขาใส่ตะไคร้กันทั้งต้นเลยหรอเนี่ย แอบงง ส่วนคุณสามีทานอาหารอินเดียค่ะ
ป้าย 22 นั่นคือ ป้ายสัญญาณเตือนให้ไปรับอาหารที่สั่งไว้เมื่ออาหารเสร็จแล้วค่ะ ตอนไปสั่ง จ่ายเงินเรียบร้อยเขาจะให้เจ้าเครื่องตัวนี้และให้เรามานั่งรอที่โต๊ะก่อนถ้ามันดังเมื่อไหร่ค่อยมารับอาหารค่ะ ไอเดียดีมากเลยค่ะ

ส่วนภาพข้างล่างนี้ถ่ายบริเวณด้านนอกของช้อปปิ้งมอลล์ค่ะ แต่ขอบอกว่าแดดร้อนมาก เผากันเลยทีเดียวแต่ต้องจำยอมโดนเผาเพื่อให้ได้ถ่ายรูปกับวิวสวยๆค่ะ หวานมาผิดเวลาจริงๆค่ะ ถ้ามาตอนเย็นๆอาจไม่ร้อนเท่านี้แต่คนอาจจะเยอะจนไม่มีที่ให้ยืนถ่ายรูปก็ได้ค่ะ


continue >>> เที่ยวดูไบ 2 รีวิวร้านอาหารหรูกลางทะเลทราย Al Hadheerah Restaurant
share with friends
Comments
comments